เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ ก.ค. ๒๕๖๑

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

 

ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมๆ นะ เราขวนขวายกันมาวัดมาวา มาวัดมาวามาเพื่อเพิ่มอำนาจวาสนาบารมีของตน คำว่า “เพิ่มอำนาจวาสนาบารมีของตน” เรามีบุญกุศล เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงสัจธรรมนะ ถ้าสัจธรรมๆ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะจะคุ้มครองดูแลรักษา ธรรมะจะคุ้มครองดูแลรักษาเพราะอะไร เพราะเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา ถ้าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา ธรรมะคุ้มครอง คุ้มครองเพราะเราปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

 

แต่ถ้ากิเลสๆ ไม่มีใครเอาหรอก เวลาเป็นกิเลสนะ ต้องการเหยียบย่ำทำลายเขา ต้องการมีอำนาจศักยภาพ มีให้คนยอมรับนับถือ มีให้คนนับหน้าถือตา ไร้สาระ ไร้สาระเพราะอะไร เพราะการทำอย่างนั้นมันลงทุนลงแรงด้วยพลังงานมาก

 

แต่ถ้าเป็นธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเที่ยวสวนเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เราต้องเป็นเช่นนั้นหรือ เราต้องเป็นเช่นนั้นหรือ ถ้าเราเป็นเช่นนั้น เราต้องหาสิ่งที่ตรงข้ามที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

 

เวลาไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายนะ การขวนขวายอยู่ ๖ ปี การกระทำทรมานตนเอง การกระทำทุกรกิริยาต่างๆ ความทุกข์ทรมานทั้งนั้นน่ะ ด้วยความคิดว่าเราต้องเอาชนะตนเองๆ ไง เวลามันจนตรอกแล้วๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการสร้างอำนาจวาสนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา พระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ด้วยอำนาจวาสนาบารมีอย่างนั้นถึงได้ย้อนกลับมา เห็นไหม มันไม่ใช่ทางแล้วล่ะ ถ้ามันใช่ทางมันต้องเข้ามาในหัวใจของเรา

 

เวลาเข้ามาในหัวใจของเรา เวลามาตรัสรู้ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการชนะตนประเสริฐที่สุด ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย คนที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แล้วมันจะมีอะไรมีคุณค่ามากไปกว่านั้น ของในโลกนี้ ๓ โลกธาตุมันจะมีอะไรมีคุณค่ามากไปกว่าหัวใจที่บรรลุธรรมนั้น ถ้าหัวใจบรรลุธรรมนั้น ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไง

 

การยกย่องสรรเสริญ การเชิดชูบูชานั่นน่ะมันเรื่องมารยาสาไถย มันเรื่องโลกๆ ดูดาราสิ ไปไหนคนล้อมหน้าล้อมหลัง นักกีฬาไปแข่งกลับมา อู้ฮู! คนเชิดชูบูชา แล้วพระไปทำตัวอย่างนั้นหรือ แล้วเราต้องการทำอย่างนั้นใช่ไหม

 

การที่เราไปเป็นตัวแทนของชาติ ไปเป็นตัวแทนของชาติ คนทั้งชาติส่งน้ำใจไปที่บุคคลคนนั้น บุคคลคนนั้นทำสิ่งใดประสบความสำเร็จหรือทำสิ่งใดที่ผิดพลาด ความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้โดยการชนะหัวใจของคนทั้งชาติ การพ่ายแพ้โดยชนะหัวใจของคนทั้งชาติคือมีความมุมานะพยายามเต็มที่แล้ว แล้วทำแล้วมันเกือบจะชนะ แต่มันไม่ชนะ มันไม่ชนะก็ไม่เป็นไร เขาได้มุมานะเต็มที่แล้ว เราเห็นคุณค่าของการทุ่มเทของเขา เห็นไหม แพ้ที่ชนะหัวใจของคนทั้งชาติ

 

ไอ้ไปมีผลประโยชน์ต่อกัน ไอ้ไปยอมจำนนต่อเขาเพื่อผลประโยชน์ ไอ้ความพ่ายแพ้เพื่อผลประโยชน์นั่นน่ะ นั่นไง มันมารยาสาไถยทั้งนั้นน่ะ

 

แพ้โดยชนะหัวใจคนทั้งชาติ นี่ไง ถ้าไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายแล้วก็จบ ถ้าไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เรามาขวนขวายแสวงหาสิ่งนั้น ถ้าเราแสวงหาสิ่งนั้นนะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ การสร้างสมบุญญาธิการมาแต่ละภพแต่ละชาติมันมีบวกมีลบมา มีทั้งบุญมีทั้งบาป เวลามีทั้งบุญมีทั้งบาปนะ คนเราต้องมีการทำสิ่งใดที่ผิดพลาดมาเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรื่องธรรมดา เวลากรรมให้ผลๆ ดูสิ เวลาถูกรางวัลที่ ๑ เขายังโกงไปเลย ของอยู่กับเนื้อกับตัว เผลอปาทิ้งนะ มีเพชรอยู่เม็ดเบ้อเร่อเท่อเลย ลืมตัว โยนเพชรทิ้งไปเลย คิดได้ เสียดาย หาเพชรไม่เจอ นี่ไง เวลาถึงคราววาระของกรรมมันให้ผลๆ นะ ถ้ากรรมมันให้ผล เรามีสติปัญญาของเรา ถ้ามีสติปัญญาของเรา เราทำคุณงามความดีของเรา

 

เราจะทำคุณงามความดีของเรานะ คนเขาวัดกันตรงนี้ไง เราจะทำความดีของเราต่อเนื่องๆ ไป ความต่อเนื่องไป จิตที่เข้มแข็ง จิตที่มีอำนาจวาสนา เห็นไหม จิตที่มีอำนาจวาสนาเจออุปสรรคขนาดไหนเขาก็ไม่ท้อแท้ของเขา

 

ถ้าคนที่อ่อนแอ จิตใจที่อ่อนแอเจอสิ่งใดเขาก็รับสิ่งนั้นไม่ได้ ถ้าเจอสิ่งใดเขาก็รับสิ่งนั้นไม่ได้ เขาอ่อนแอเพราะว่าอะไร เพราะอำนาจวาสนาของคนสร้างมาแค่นั้น

 

ถ้าคนที่สร้างมามากนะ จะมีอุปสรรคมากน้อยขนาดไหนเขาก็ฟันฝ่าของเขาออกไป แต่ถ้าสิ่งใดที่มันประสบความสำเร็จ ที่มันได้มาด้วยบุญกุศล ได้มาด้วยอำนาจวาสนา เราก็ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เราก็ไม่ขาดสติ ไม่ใช่ยกตนข่มท่าน เราเกิดมา เกิดมาทุกข์จนเข็ญใจ ถ้าเราไม่มีปัจจัยที่จะเสียสละ เราเสียสละได้ด้วยการปฏิบัติบูชา

 

ทุกคนเกิดมา เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีร่างกายกับจิตใจนั้น ถ้ามีร่างกายกับจิตใจนั้น คนก็ทำบุญกุศลของเขา เขาปูพื้นฐานของเขา ทาน ระดับของทาน เขาก็ทำทานของเขา เพื่ออะไร เพื่ออำนาจวาสนาบารมีของเขา ระดับของศีล ระดับของภาวนา ถ้าเราทุกข์จนเข็ญใจ ถ้าเรามีอำนาจวาสนา เรามีสติปัญญาของเรา เราก็จะปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

เวลาเขาทำบุญกุศลกัน เขามีสิ่งใดปัจจัยของเขา เขาก็ถวายของเขาไป เราเอาร่างกายนี้ใส่พานถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนที่อาสนะ บนที่นั่งของเรา เราถวายร่างกายนี้เลย หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่ปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนต้องมีสติมีปัญญามหาศาล คนที่มีสติปัญญามหาศาลเพราะอะไร

 

การเสียสละด้วยวัตถุ การเสียสละสิ่งที่เราหามา การเสียสละไป ความตระหนี่ถี่เหนียวมันก็ลังเล มันก็ต่อรอง แต่การปฏิบัติบูชา เราต้องบังคับมัน เวลาบังคับมัน จิตใจที่มันฟุ้งซ่าน จิตใจที่มันไม่พอใจนะ โอ๋ย! มันนั่งไปเหงื่อแตกเลย

 

แต่ถ้าสิ่งที่มันพอใจ เราพอใจ เราปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยบุญกุศล ด้วยความนุ่มนวล ด้วยความเคารพบูชา นั่งไปแล้วปลื้มใจ อิ่มบุญๆ เวลาคนปฏิบัติด้วยบุญกุศลนะ มันจะอิ่มบุญของมัน สิ่งใดที่จะตามมารังควาน ตามมาเผชิญ เห็นไหม เวลามาร มารมันคืออะไร มารคือสิ่งที่มันไม่ได้ดั่งใจของมันไง สิ่งที่มันไม่ได้ดั่งใจ ไม่พอใจของมัน มันก็โต้แย้งทั้งนั้นน่ะ แล้วเราจะปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเอาคุณประโยชน์มหาศาล มารก็บอกว่าจิตดวงนี้มันจะพ้นจากอำนาจของมันไป มันทั้งต่อรอง มันทั้งหลอกลวง มันทั้งปลิ้นปล้อนทั้งนั้นน่ะ ไอ้เราจะเชื่อมารหรือเชื่อธรรมล่ะ ถ้าเราเชื่อธรรม เรามีสติปัญญาของเรา

 

เรานั่งด้วยความเชิดชูบูชา เราปฏิบัติบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเอาร่างกายนี้ใส่พานถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันจะไม่ได้บุญตรงไหน มันได้บุญมหาศาลไง เราไม่ต้อง โอ้โฮ! ต้องเสียสละมากมายมหาศาลอะไรทั้งสิ้น การเสียสละนั้น เสียสละเพื่อระดับของทาน การเสียสละๆ ถ้าเรามีน้ำใจ เรามีของเรา เราก็เสียสละได้ แต่มันไม่มีเสียสละ มันเอาต่อรองเราไง เราเกิดมาเป็นคนทุกข์คนจน เราเกิดมาไม่มีอำนาจวาสนา เราเกิดมาแล้วทุกข์แค้นเข็ญใจ นี่เวลากิเลสมันต่อรองไง ต่อรองให้เราเป็นคนชั่ว ถ้ามันต่อรองใช่ไหม ถ้าเราไม่เท่าเทียมเขา เราก็ต้องแสวงหาเพื่อให้เท่าเทียมเขา เราไม่พอใจ นี่กิเลสมันพลิกแพลง

 

แต่ถ้าเราทุกข์จนเข็ญใจ ทุกข์จนเข็ญใจมันเป็นวาระ ถ้าเรามีสติปัญญา เราก็แสวงหาได้ ถ้ามีสติปัญญา เรามีสติยับยั้งความรู้สึกที่มันจะทำชั่ว เราจะทำคุณงามความดีของเรา ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรา ทำคุณงามความดีแล้วมันตกมันหล่น มันไม่สมความปรารถนาเสียที ถ้าไม่สมความปรารถนาเสียที เราก็หมั่นเพียรของเราๆ เพราะอะไร เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เราเชื่อมั่นในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเราแล้ว ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว สิ่งที่เราทำเป็นความดีทั้งนั้น ถ้าเป็นความดีทั้งนั้น แต่มันยังไม่ถึงวาระของเรา ไม่ถึงวาระ เราก็พยายามหมั่นเพียรทำคุณงามความดีของเรา เราจะตอกย้ำๆ ฟังธรรมๆ เพื่อความตอกย้ำหัวใจเราให้มั่นคงไง ถ้าหัวใจเรามั่นคง ทุกอย่างมันก็จะชักให้เราไปทางอื่นทั้งนั้นน่ะ

 

แต่ถ้าเราฟังธรรม ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำ แล้วเวลาปฏิบัติธรรมๆ สติ สมาธิ ปัญญา ให้มันเป็นตัวจริงขึ้นมาในหัวใจของเรา ถ้ามีสติ เรามีสติ เรามีสติสัมปชัญญะ เราระลึกได้ ระลึกได้สิ่งที่มาก่อกวนในใจของเรา ถ้ามีสติ นี่เอ็งหลอกกูแล้วหลอกกูเล่า เอ็งก็หลอกแล้วหลอกเล่า เอ็งก็หลอกมาประจำ เอ็งทำไมหลอกขนาดนี้ ถ้ามีสติมันก็รู้เท่า พอมันรู้เท่า เอ็งก็หลอกกูไม่ได้ไง แล้วหลอกไม่ได้ ถ้าเราคิดแต่เรื่องดีๆ ของเรา ถ้ามีสติ เราก็เห็นคุณค่าของสติ

 

ถ้าเราพลั้งเผลอ เราไม่เท่าทันเรานะ มารมันจะต่อรอง มันจะยุมันจะแหย่เรา อย่างนั้นก็ดี อย่างนี้ก็ดี อย่างนู้นก็ดี มันจะไปกับมัน พอมีสติขึ้นมา สติมันก็ยับยั้งได้ๆ ถ้ายับยั้งได้มันก็วางหมด วางหมดก็ชั่วคราว เดี๋ยวก็คิดต่อไป คิดต่อไป ถ้าเราไม่มีสติปัญญาพอ เรายังไม่มั่นคงของเรา เราก็คิดพุทโธ วิตก วิจาร ระลึกขึ้น วิตกขึ้นมา ถ้ามันวิตกขึ้นมา จิตใจเรามันก็อ่อนแอ จิตใจเรามันก็ไหลไปตามกิเลส

 

เราวิตกขึ้นมา วิตกขึ้นมาในพุทธะ วิตกขึ้นมาให้อยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยหัวใจของเรา เราไม่ต้องให้ใครมาชักนำ แต่ถ้าทำไปๆ พอมันละเอียดลึกซึ้งเข้าไป พุทธะ มันรู้สึก เวลามันกลมกลืนกัน พุทโธมันคล่องแคล่ว

 

เวลาพุทโธมันขัดมันแย้ง พุทโธมันโต้มันแย้ง พุทโธแล้วมันอึดมันอัด พุทโธแล้วเหงื่อแตกเลย พุทโธแล้วเจ็บปวดไปหมดเลย พุทโธมันไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมาเลย แต่เราฝืนมันๆ เพราะอะไร เพราะกิเลสมันพยายามทำลายบัลลังก์การปฏิบัติบูชาของเรา มันทำลายทั้งนั้นน่ะ นี่กิเลสเป็นผู้ทำลายๆ ทำลายทั้งโอกาสที่เรามีสติปัญญาขนาดนี้แล้ว เรามีความมั่นคงขนาดนี้แล้ว เราได้ทำแล้ว คนที่เขายังไม่ได้ทำ เขายังไม่มานะ เขายังไปยิงนกตกปลาอยู่นู่น เขายังไปเที่ยวบาร์เที่ยวคลับของเขา เขายังไม่สนใจเราเลย เราขึ้นมาขนาดนี้ เราก็เก่งกว่าเขาเยอะแล้ว แต่เก่งกว่าเขาเยอะแล้ว กิเลสมันก็ยังแผดเผา มันก็ยังทำลายอยู่

 

ถ้าเรามีสติปัญญา เราก็หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธของเรา พอพุทกับโธกับจิตของเรามันกลมกลืนกัน เวลามันโต้แย้งกันระหว่างธรรมกับกิเลสไง พุทโธ พุทธะ พุทธานุสติ กิเลสตัณหาความทะยานอยากต้องการความสะดวกสบาย ต้องการความคล่องตัว เหมือนเราผสมทำอาหาร เริ่มต้นเราใส่เข้าไปในกระทะมันก็ไม่เข้ากัน เราต้องพลิกต้องแพลงให้มันเข้ากัน

 

นี่ก็เหมือนกัน เราพุทโธๆๆ จนจิตกับพุทโธมันเข้ากัน โอ้โฮ! มันคล่องตัว แหม! มันยอดเยี่ยม โอ้โฮ! เทวดาสู้กูไม่ได้ กูใหญ่กว่าเทวดา เวลามันทำได้นะ โอ้โฮ! เทวดาต้องทำแบบนี้ เห็นไหม ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกไง อย่างนี้เทวดารู้หรือเปล่า อย่างนี้เทวดาเคยเห็นไหม อยากจะโชว์เขาไง เสื่อมหมดเลย หมดเลย เราก็หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ

 

ถ้ามันกลมกล่อมกันนะ แค่มันกลมกล่อมเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะเราอยู่กับสันดานของกิเลสมาตลอด เราอยู่กับความหลอกลวงมาตลอด แต่เวลามันเป็นความจริงๆ ขึ้นมา ความจริงมันมาจากไหน ความจริงมีการกระทำของเราไง นี่หัวใจเป็นความจริงนะ ชีวิตนี้เป็นสมมุติ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ความจริงๆ คือความรู้สึกนี้ ความรู้สึกนี้โดนมารมันครอบงำไว้ เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ พุทธานุสติ พุทธานุสติ สติระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้แล้วมันกลมกลืน กลมกลืนจนเป็นพุทธะ ทำไมมันจะไม่มหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้นน่ะ มหัศจรรย์ก็แค่มหัศจรรย์ไง

 

มหัศจรรย์แล้ว เขาดูกีฬาแล้ว กีฬามันจะมีการแข่งขัน มันจะจบสิ้นนะ ความมหัศจรรย์แล้ว เดี๋ยวมันก็เสื่อม เดี๋ยวมันก็คลายออกมาเป็นเรื่องธรรมดา สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สภาวะใดก็แล้วแต่ ไม่มีอะไรคงที่ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สั่งสอนตอกย้ำมาตลอด ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุๆ สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากการกระทำ

 

คนที่เขาไม่สนใจเขายังยิงนกตกปลาอยู่นู่นน่ะ ไอ้พวกนั้นเกิดเป็นมนุษย์แล้วเป็นชาวพุทธโดยทะเบียนบ้าน ไอ้ของเรา เราก็เริ่มต้นมาจากเป็นชาวพุทธโดยทะเบียนบ้าน พ่อแม่ก็สอนมา แต่ด้วยการศึกษา ด้วยการค้นคว้า ด้วยการกระทำ ด้วยศรัทธาขึ้นมา เราก็เข้าใกล้ขึ้นมา กระทำขึ้นมา เราเข้าทางจงกรมจนมันกลมกล่อม มันกลมกลืนกัน เราก็พุทโธของเราไปเรื่อย ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุๆ มันต้องมีการกระทำไง

 

ถ้าศึกษา ศึกษานั่นก็เป็นแนวทาง ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ วางธรรมวินัยไว้เป็นแนวทางให้เราปฏิบัติไป เราปฏิบัติบูชาไง ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม นี่ธรรมะเกิดอย่างนี้ ถ้าธรรมะเกิดอย่างนี้ การกระทำของเรา เราไม่ต้องไปทุกข์ ไม่ต้องไปคิดน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ ทั้งสิ้น

 

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดานะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพาน เป็นห่วงเป็นใยไปหมด “อานนท์ เธอบอกเขานะ ถ้าเราตายไปแล้ว ชาวพุทธจะไปติเตียนนายจุนทะ หาว่าฉันอาหารของนายจุนทะมื้อสุดท้ายแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงปรินิพพาน เขาก็จะไปติเตียนนายจุนทะ ให้บอกเขานะว่าอาหารในทานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ ๒ คราว คราวหนึ่งคือเราฉันอาหารของนางสุชาดา เราถึงซึ่งกิเลสนิพพาน” ตรงนี้สำคัญ ถึงซึ่งกิเลสนิพพานคือฆ่ากิเลส ฆ่าพญามารทั้งหมด “แล้วคราวสุดท้ายๆ เราฉันอาหารของนายจุนทะ เราถึงซึ่งขันธนิพพาน” นี่ละธาตุละขันธ์ ละธาตุละขันธ์ที่บริสุทธิ์

 

นี่มีอยู่ ๒ คราวๆ ไง มันเป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ในพระพุทธศาสนา เธอบอกเขานะ เวลาจะปรินิพพานนะ ห่วงใยเขาไปหมด อนาคตเขาจะติเขาจะเตียน เขาจะทำลายกันนะ ป้องกันไว้ บอกพระอานนท์ บอกไว้หมดเลย

 

เวลาพระอานนท์จะโดน ทำสังคายนา พระอานนท์โดนปรับอาบัติ ๒ ข้อ

 

๑. ไม่อาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้

 

๒. พระเห็นว่าเวลาอุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตากผ้าอาบขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ แล้วทำงานอยู่ ไปเหยียบเข้า

 

พระเห็นแล้วจำนะ จะมาปรับอาบัติทุกกฏพระอานนท์ ๒ ข้อ พระอานนท์ยอมรับหมด พระอานนท์เป็นพระอรหันต์ เป็นปัญญาชน เป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับทุกสิ่ง ยอมรับทั้งสิ้น นี่ทำคุณงามความดีๆ จิตใจที่เป็นธรรมๆ

 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาจะปรินิพพานยังห่วงใย ยังมีความโต้แย้ง แล้วเราจะไม่มีหรือ ความคิดเราจะไม่มีใช่ไหม เราได้ทำอะไรของเรามา ความคิดเราจะมันจะสวยหรูจนแหม! สุดยอดปราสาท ไม่มีหรอก

 

กิเลสตัณหาความทะยานอยาก ครอบครัวของมารอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก ภวาสวะ ภพ ภพที่ยิ่งใหญ่คือความรู้สึก ความรู้สึกนี้ถ้ายังไม่ได้ทำลายมัน จิตนี้ไม่เคยตายๆ เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาสัจธรรม สัจธรรมเข้าไปทำลายนะ ตั้งแต่หลานของมัน ลูกของมัน กามราคะ ปฏิฆะ นั่นพ่อของมัน ปู่ของมันคือนโยบาย นโยบายคือภวาสวะ คือภพ จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้หมองไปด้วยอุปกิเลส จิตเดิมแท้นี้ผ่องใส จิตเดิมแท้นี้เป็นผู้ข้ามพ้นกิเลส ภวาสวะคือความผ่องใส ความแวววาวนั่นน่ะมันต้องทำลายทั้งสิ้น เวลาทำลายทั้งสิ้น ข้ามพ้น ข้ามพ้นกิเลสไป พอข้ามพ้นกิเลส นี่ไง มนุษย์มีศักยภาพขนาดนั้น

 

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เทวดา อินทร์ พรหมมาฟังเทศน์ๆ ฟังเทศน์เพราะอะไร เอาอะไรไปสอนเทวดา เทวดามาถามเรื่องอะไร มาถามเรื่องในหัวใจทั้งนั้นน่ะ มาถามเรื่องกิเลสในใจ

 

เป็นเทวดานี่ทิพย์สมบัติ ทิพย์ทั้งนั้นเลย แต่มันต้องตาย หมดวาระ เป็นอินทร์ เป็นพรหมก็ยังมาฟังเทศน์ แล้วเอาอะไรไปสอนเขา มนุษย์เอาอะไรไปสอนเขา จะเอายศถาบรรดาศักดิ์ไปสอนเขาหรือ จะเอาอะไรไปสอนเขา เขาสละแล้ว เขาทิ้งแล้วทั้งนั้น แต่เขาไม่รู้จักตัวเขาเอง เขาไม่รู้จักกิเลสในใจของเขา นี่มาฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สอนเข้าไปนี่ไง สอนไปเรื่องอริยสัจ เรื่องสัจจะความจริง

 

แม้แต่เทวดา อินทร์ พรหมเขาก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ถ้าเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เพราะอะไร เพราะอวิชชา แล้วอวิชชามันอยู่ที่ไหนล่ะ อยู่ในหนังสือใช่ไหม อวิชชาก็เพราะมึงไม่รู้ไง เทวดาก็ไม่รู้ พรหมก็ไม่รู้ ไม่มีใครรู้เลย ไม่รู้นั่นคืออวิชชา แล้วทำอย่างไรจะให้รู้ล่ะ

 

จะให้รู้ก็ค้นคว้าเข้ามา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ จิตสงบระงับด้วยสติสัมปชัญญะ นั่นคือตัวตนของเรา นั่นคือจิตเดิมแท้ แล้วค้นคว้ากันที่นั่น

 

เวลาวิปัสสนานะ ปัญญาที่รู้แจ้ง รู้แจ้งในใจของตน รู้แจ้งการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ รู้แจ้งในกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ธรรมะเป็นอย่างนี้ มาวัดมาวากันเพื่อเหตุนี้ มาวัดมาวาเพื่อสร้างบุญกุศลของเรา ให้มีสติ ให้มีปัญญา แต่อย่าให้ใครหลอกนะ ตอนนี้เข้าทรงทรงเจ้ามาหลอกฉิบหายเลย ทำอะไรก็สำเร็จไปหมด นึกเอาได้เลย นอนหลับตื่นขึ้นมาใช้ได้เลย

 

กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อผลของการปฏิบัติ เชื่อผลของหัวใจที่มันทุกข์มันยาก เชื่อหัวใจของความเป็นจริงอันนี้ กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อใครทั้งสิ้น เชื่อผลของการปฏิบัติ แล้วปฏิบัติให้เป็นสัมมาทิฏฐิถูกต้องดีงาม มันจะเป็นประโยชน์กับเรา เอวัง